ดูยังไงว่าสายไฟหมดอายุแล้ว?

ปกติแล้วสำหรับสายไฟที่มีการใช้งานปกติจะมีอายุการใช้งานโดยประมาณเฉลี่ยอยู่ที่ 15 – 20 ปี และหากเป็นสายไฟที่มีการร้อยท่อ ก็จะยิ่งสามารถจะยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานออกไปได้อีก และเพราะการใช้งานที่ยาวนานจนกลายเป็นการละเลย หรือ ลืมตรวจเช็คสภาพการใช้งานว่ายังคงใช้ได้ปกติหรือไม่ ซึ่งก็อาจจะช้าเกินไป หรือ มีไฟฟ้ารั่ว ฉนวนหุ้มชั้นนอกชำรุด จนเป็นสาเหตุให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรนั่นเอง 

วิธีดูสายไฟว่าหมดอายุหรือไม่ หรือเมื่อมีลักษณะอย่างไรที่ควรจะต้องมีการเปลี่ยน หรือควรจะมีการเช็คสภาพการใช้งาน

  1. สายไฟที่ฉนวนหุ้มด้านนอกมีการเปลี่ยนสีจากสีที่ดูสดใหม่เป็นสีคล้ำ ไม่ว่าจะเกิดจากการใช้งานมานานแล้ว หรือการใช้งานอย่างหนัก หมายถึงสายไฟเริ่มใกล้หมดอายุ หรือถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแล้ว
  1. ฉนวนของสายไฟ มีการแห้งกรอบ บางช่วงอาจจะมีรอยไหม้บ้าง รอยแตกร้าวบ้าง แสดงถึงระยะเวลาของการใช้งานมานานแล้ว หรืออาจจะมีการชำรุดแบบนี้ แสดงว่าสายไฟใกล้หมดอายุการใช้งานแล้ว 
  1. อีกกรณีที่จะต้องทำการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนทันที โดยไม่ต้องรอให้หมดอายุก่อนก็คือ เมื่อพบว่ามีรอยแตก รอยไหม้ จนมองเห็นลวดทองแดง ควรจะเรียกช่างซ่อม ไม่ควรจะนำเทปมาพันปิดไว้แล้วยังฝืนใช้งานต่อ

ในการตรวจสอบสายไฟที่อยู่ในจุดที่มองไม่เห็น เช่น สายไฟที่ถูกติดตั้งไว้ใต้ฝ้าหรือผนัง โดยหากมีการชำรุด หรือ ฉนวนหุ้มสายแตกหรือฉีกขาด จะไม่สามารถมองเห็นได้เลย ดังนั้น สิ่งที่จะต้องทำการตรวจสอบก็คือ ปลั๊กและสวิตช์ไฟ ยังอยู่ในสภาพดีหรือไม่ และควรใช้ไขควงเช็คไฟบริเวณรูปลั๊กว่ามีไฟรั่วหรือไม่ เพื่อที่จะได้ทำการแก้ไขได้

ผู้เขียน :  ศิรดา จิรานันท์สกุล

ช่างไฟดอทคอม
ช่างไฟที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น