
ในโลกของวิศวกรรมไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ ติดตั้ง หรือบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า หนึ่งในเอกสารสำคัญที่ขาดไม่ได้และต้องให้ความสำคัญสูงสุดคือ “ตารางโหลด” (Load Schedule) แม้จะดูเป็นเพียงตารางตัวเลขและข้อมูล แต่แท้จริงแล้วตารางโหลดคือหัวใจสำคัญที่สะท้อนถึงภาพรวมการใช้พลังงานไฟฟ้าของอาคารหรือโครงการ และเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การออกแบบระบบไฟฟ้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และประหยัดค่าใช้จ่าย
ตารางโหลดคืออะไร?
ตารางโหลดคือเอกสารที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดที่จะติดตั้งในโครงการ โดยระบุรายละเอียดสำคัญ เช่น:
- หมายเลขวงจร/กลุ่มวงจร (Circuit/Group Number): การจัดหมวดหมู่ของอุปกรณ์ที่ต่อร่วมกันในวงจรไฟฟ้าเดียวกัน
- ตำแหน่ง/พื้นที่ (Location/Area): ระบุว่าอุปกรณ์นั้นๆ ติดตั้งอยู่ที่ใด เช่น ห้องนั่งเล่น, ห้องครัว, สำนักงานชั้น 2
- ประเภทอุปกรณ์ (Appliance Type): ชนิดของอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น หลอดไฟ, ปลั๊ก, เครื่องปรับอากาศ, ปั๊มน้ำ
- จำนวน (Quantity): จำนวนของอุปกรณ์ชนิดนั้นๆ ในวงจร
- กำลังไฟฟ้า (Power Rating):
- กำลังไฟฟ้าที่ใช้ (Rated Power/Connected Load): กำลังไฟฟ้าจริงที่อุปกรณ์แต่ละชิ้นใช้ มักระบุเป็นวัตต์ (W) หรือกิโลวัตต์ (kW)
- หน่วย: วัตต์ (W), กิโลวัตต์ (kW), โวลต์-แอมแปร์ (VA), กิโลโวลต์-แอมแปร์ (kVA) การระบุกำลังไฟฟ้านั้นอาจเป็นทั้งกำลังไฟฟ้าจริง (P) หรือกำลังไฟฟ้าปรากฏ (S) ขึ้นอยู่กับประเภทของอุปกรณ์
- ตัวประกอบกำลัง (Power Factor – PF): ค่าที่บ่งบอกประสิทธิภาพการใช้พลังงานไฟฟ้าของอุปกรณ์ โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่มีมอเตอร์
- กระแสไฟฟ้า (Current): กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านวงจร มักคำนวณจากกำลังไฟฟ้าและแรงดันไฟฟ้า
- แรงดันไฟฟ้า (Voltage): แรงดันไฟฟ้าที่จ่ายให้กับอุปกรณ์ (เช่น 220V, 380V)
- โหลดรวมของวงจร (Total Circuit Load): ผลรวมของกำลังไฟฟ้าของอุปกรณ์ทั้งหมดในวงจรนั้นๆ
- โหลดรวมของเฟส (Total Phase Load): สำหรับระบบไฟฟ้าสามเฟส (3-Phase System) จะมีการแบ่งโหลดให้สมดุลในแต่ละเฟส
- โหลดรวมทั้งหมด (Total Connected Load): ผลรวมของกำลังไฟฟ้าของอุปกรณ์ทั้งหมดในอาคารหรือโครงการ
- โหลดสูงสุดที่คาดการณ์ (Maximum Demand/Diversified Load): โหลดสูงสุดที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจริงในเวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจต่ำกว่า Total Connected Load เนื่องจากอุปกรณ์บางชนิดไม่ได้เปิดใช้งานพร้อมกันทั้งหมด
ทำไมตารางโหลดจึงสำคัญ?
- การออกแบบระบบไฟฟ้าที่เหมาะสม: ตารางโหลดเป็นข้อมูลพื้นฐานในการคำนวณขนาดของอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ เช่น สายไฟฟ้า, เครื่องตัดไฟ (Circuit Breaker), หม้อแปลงไฟฟ้า และขนาดของมิเตอร์ไฟฟ้า เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถรองรับโหลดสูงสุดได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
- ความปลอดภัย: การคำนวณขนาดของอุปกรณ์ได้อย่างถูกต้องช่วยป้องกันปัญหาสายไฟร้อนเกินไป, ไฟฟ้าลัดวงจร, และการโอเวอร์โหลด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของเพลิงไหม้จากไฟฟ้า
- ประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน: การทราบโหลดที่แท้จริงช่วยให้สามารถเลือกใช้อุปกรณ์ที่มีขนาดเหมาะสม ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป ทำให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดการสูญเสียพลังงานที่ไม่จำเป็น
- การประมาณค่าใช้จ่าย: ตารางโหลดช่วยในการประมาณค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบไฟฟ้าเบื้องต้น ทั้งในส่วนของอุปกรณ์และค่าแรง
- การบำรุงรักษาและการขยายระบบ: ตารางโหลดเป็นเอกสารอ้างอิงที่มีประโยชน์ในการบำรุงรักษาระบบ, การแก้ไขปัญหา, และการวางแผนขยายระบบในอนาคต หากมีการเพิ่มอุปกรณ์ไฟฟ้าใดๆ ก็สามารถอัปเดตตารางโหลดเพื่อประเมินผลกระทบต่อระบบได้
- การตรวจสอบและขออนุญาต: ตารางโหลดเป็นเอกสารสำคัญที่จำเป็นต้องยื่นเสนอต่อหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น การไฟฟ้านครหลวง หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อขออนุญาตติดตั้งและตรวจสอบระบบไฟฟ้า
หลักการจัดทำตารางโหลดที่ดี
- ความถูกต้องแม่นยำ: ข้อมูลที่ระบุในตารางโหลดจะต้องถูกต้องตามความเป็นจริงของอุปกรณ์ที่จะใช้
- ความละเอียดชัดเจน: ระบุรายละเอียดให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องเข้าใจตรงกัน
- การจัดหมวดหมู่: จัดหมวดหมู่อุปกรณ์อย่างเป็นระบบ เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบและคำนวณ
- การคำนวณโหลดรวมและโหลดสูงสุด: พิจารณาปัจจัยลดโหลด (Diversity Factor/Demand Factor) และค่าตัวประกอบกำลัง เพื่อให้ได้โหลดที่คาดการณ์ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด
- การอัปเดต: ตารางโหลดควรได้รับการปรับปรุงอยู่เสมอเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมอุปกรณ์ไฟฟ้าในระบบ
บริการงานระบบไฟฟ้า ไฟบ้าน ไฟอาคาร ไฟสำนักงาน ไฟฟ้าโรงงาน #ช่างไฟดอทคอม
แจ้งปัญหาหรือปรึกษาเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า ฟรี!!!
HOTLINE-061-417-5732
https://www.facebook.com/changfidotcom
Line: @changfi
ขั้นตอนการใช้บริการ
แอดไลน์ > แจ้งปัญหา > รอราคา > ตกลงราคา > รับบริการ
