LED มีอะไรดี !!?

LED มาจากคำว่า Light-Emitting Diode ที่หมายถึง ไดโอดเปล่งแสง หรือรู้จักกันนามของ LED นั่นเอง เป็นหลอดที่ประกอบไปด้วยคลื่นความถี่เดียวและเฟสที่ต่อเนื่องกัน ทำให้สามารถเปล่งแสงออกมาได้ หลอดไฟ LED มีหลากหลายรูปร่างและขนาด โดยเลือกงานตามความเหมาะสม หลอด LED จะมีความแตกต่างจากแสงธรรมดาที่ตาคนจะสามารถมองเห็นได้ โดยหลอด LED จะเปล่งแสงได้เมื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าเพียงเล็กน้อยเข้าที่ตัวมัน และยังมีแสงที่สว่างกว่าหลอดไฟขนาดเล็กทั่วไป แม้จ่ายแรงดันไฟตรงเพียงเล็กน้อยก็ตาม อีกทั้งยังสามารถให้แสงได้หลากหลายความยาวคลื่น เช่น ให้แสงสีขาว แดง เขียว น้ำเงิน เรียกได้ว่า เป็นเทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จของหลอดไฟเลยทีเดียว ทั้งประหยัดพลังงานไฟฟ้าและให้ประสิทธิภาพสูง อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานที่นานอีกด้วย

เหตุที่หลอดไฟ LED นั้นเป็นที่นิยมใช้อย่างมากไม่ใช่เพียงเพราะรัฐบาลรณรงค์ให้เปลี่ยนหลอดไส้มาใช้หลอดไฟที่ประหยัดเท่านั้น แต่ความจริงแล้วเจ้าหลอด LED นั้นมีข้อดีมากมายหลายประการทั้งในด้าน ความทนทาน  (อายุการใช้งานยาวถึง 50,000 ชั่วโมง) การควบคุม ประสิทธิภาพการใช้งาน ความสว่างในทันที การยืดอายุการใช้งาน เปิดปิดได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากมีขนาดเล็ก ปลอด UV Emissions ประหยัดพลังงานอย่างเห็นได้ชัดเมื่อนำไปเปรียบเทียบแบบ วัตต์ต่อวัตต์ กับหลอดทั่วไป และหลอดไฟ LED นั้นสามารถให้ความสว่างได้มากกว่าและไม่มีความร้อน

การที่หลอดไฟ LED ไม่มีแสง UV ที่มีผลเสียต่อผิวหนังและสายตาเลย เมื่อเปรียบเทียบกับหลอดไฟนีออน เนื่องจากหลักการทำงานของหลอดไฟนีออนนั้น มีการกระตุ้นสารไอปรอทซึ่งอยู่ภายในหลอดนีออน จากการที่ถ่ายเทพลังงานในระหว่างนี้ จึงทำให้เกิดแสง UV ขึ้นมานั่นเอง หลอดไฟ LED เป็นหลอดที่ให้แสงที่มีคุณภาพ โดยเป็นแสงสีขาวอย่างแท้จริง อีกทั้งยังมีอัตราการกระพริบที่สูงมาก จึงแทบไม่เห็นการกระพริบเลยก็ว่าได้ แสงที่มองเห็นนั้นถนอมสายตาและให้ความสบายตาได้มากกว่าหลอดไฟอื่นๆ เพราะมีค่าอุณหภูมิของสีตั้งแต่ 3000K – 6500K อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานมากกว่า 50,000 ชั่วโมง โดยคุณภาพความสว่างไม่ลดลง และยังสามารถทนต่อการสั่นสะเทือนและการกัดกร่อนได้ดี และยังอยู่ในที่อุณภูมิต่ำถึง -40 C ได้อีกด้วย เพราะวัสดุของหลอดLED มีคุณภาพที่ดี และไม่เป็นอันตราย ไม่มีสารปรอท สารพิษใดๆ ปลอดภัยทั้งต่อทั้งมนุษย์และสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญหลอดไฟ LED นั้นสร้างแสงสว่างได้มากถึง 100-130 ลูเมนต์/วัตต์ แล้วแต่รุ่นและยี่ห้อแตกต่างกันไป แต่ในขณะที่ หลอดฟลูออเรสเซนต์ และหลอดไส้ให้ได้เพียง 40-80 ลูเมนต์/วัตต์ และ12-15 ลูเมนต์/วัตต์ ตามลำดับ แม้จะให้ความสว่างที่มากแต่การใช้พลังงานนั้นต่ำอย่างยิ่ง เพราะหลอดไฟ LED เป็นหลอดที่ประหยัดพลังงานมากที่สุด สามารถลดค่าไฟได้ถึง 50% เลยทีเดียว นอกจากจะช่วยประหยัดค่าไฟแล้วยังช่วยลดโลกร้อน ช่วยลดการเกิดแก๊สเรือนกระจกเพราะการสร้างความร้อนที่น้อยลงเพราะหันมาใช้หลอดไฟ LED นั่นเอง

ผู้เขียน : นาถชนก สารโภค

ช่างไฟดอทคอม
ช่างไฟที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น