เลือกเซอร์กิตเบรกเกอร์แบบผู้เชี่ยวชาญ !! 

วิธีการเลือกเซอร์กิตเบรกเกอร์เพื่อการใช้งานที่ถูกต้องและเหมาะสม โดยต้องพิจารณาถึง 2 ปัจจัยด้วยกันคือ จำนวน Pole และค่าพิกัดกระแส

Pole เป็นตัวที่กำหนดความเร็วรอบและแรงบิดของมอเตอร์ เมื่อจำนวนของ Pole ยิ่งมากเท่าไหร่ แรงบิดจะยิ่งมากและความเร็วรอบจะยิ่งต่ำ ซึ่งหมายความว่า หากจำนวน Pole ยิ่งน้อยเท่าไหร่ แรงบิดจะยิ่งต่ำ และความเร็วรอบจะยิ่งสูงเท่านั้น

  • 4 Pole 

เซอร์กิตเบรกเกอร์สำหรับระบบไฟฟ้า 3 เฟส เพื่อป้องกันสาย Line และ สาย Neutral เหมาะสำหรับระบบที่ต้องการความ Safety เนื่องจากหากเกิดความผิดปกติของระบบไฟฟ้านั้น เบรกเกอร์จะสามารถป้องกันได้ทั้ง 4 เส้น

  • 3 Pole

เซอร์กิตเบรกเกอร์สำหรับระบบไฟฟ้า 3 เฟส เพื่อป้องกันแค่สาย Line จะนิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารพาณิชย์

  • 2 Pole

เป็นเซอร์กิตเบรกเกอร์สำหรับระบบไฟฟ้า 1 เฟส เพื่อป้องกันสาย Line และ สาย Neutral นิยมใช้เป็น เมนเซอร์กิตเบรกเกอร์ ในตู้คอนซูมเมอร์

  • 1 Pole

เป็นเซอร์กิตเบรกเกอร์สำหรับระบบไฟฟ้า 1 เฟส เพื่อป้องกันเพียงสาย Line นิยมใช้ในบ้านเรือนที่อยู่อาศัย จะใช้ในเบรกเกอร์ลูกย่อย และใช้ร่วมกับตู้คอนซูมเมอร์ยูนิท 

ค่าพิกัดกระแส จะเป็นค่าพิกัดเป็นตัวบ่งบอกถึงความสามารถ ขีดจำกัด ในการใช้งานของเซอร์กิตเบรกเกอร์ ซึ่งค่าพิกัดที่ควรทราบได้แก่

  1. Interrupting Capacitive (IC):

พิกัดการทนกระแสลัดวงจรสูงสุดโดยปลอดภัยของเบรกเกอร์นั้นๆ มักแสดงในหน่วย kA (ค่ากระแสที่สามารถทนของเบรกเกอร์ เมื่อมีการทำงานที่ผิดพลาดและทนได้เพียงระยะเวลาสั้นๆ เช่นค่า 4kA หมายถึง ทนได้ 4000 แอมป์ ก่อนที่เบรกเกอร์จะทริป)

  1. Amp Trip (AT): 

ขนาดกระแสที่ใช้งานเป็นตัวบอกให้รู้ว่าเบรกเกอร์ตัวนั้นสามารถทนต่อกระแสในภาวะปกติได้สูงสุดเท่าไหร่

  1. Amp Frame (AF): 

พิกัดกระแสโครง คือขนาดการทนกระแสของเปลือกหุ้ม เป็นพิกัดการทนกระแสสูงสุดของเบรกเกอร์นั้นๆ เซอร์กิตเบรกเกอร์ที่มีขนาด AF เดียวกันจะมีขนาดมิติ (กว้างXยาวXสูง) เท่ากัน สามารถเปลี่ยนพิกัด Amp Trip ได้โดยที่ขนาด (มิติ) ของเบรกเกอร์ยังคงเท่าเดิม

ผู้เขียน : นาถชนก สารโภค

ช่างไฟดอทคอม
ช่างไฟที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น