เคยสงสัยไหมว่าทำไมสายไฟจึงต้องมีฉนวนหุ้ม? เหตุผลก็เพื่อป้องกันไม่ให้กระแสไฟฟ้าไหลออกนอกเส้นทางที่ควรจะเป็น แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉนวนไฟฟ้าไม่สามารถทำหน้าที่ของมันได้อีกต่อไป หรือมีแรงดันไฟฟ้าสูงเกินกว่าที่ฉนวนจะทนได้ ก็จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “การเบรคดาวน์ทางไฟฟ้า” ครับ

พูดง่ายๆ ก็คือ การเบรคดาวน์คือ การที่กระแสไฟฟ้ากระโดดข้ามจากจุดที่มีศักย์ไฟฟ้าสูง ไปยังจุดที่มีศักย์ไฟฟ้าต่ำกว่า โดยการเดินทางผ่านฉนวน ซึ่งในสภาวะปกติฉนวนนั้นไม่ควรนำไฟฟ้าได้เลย การเบรคดาวน์นี้ทำให้เกิดประกายไฟ, ความร้อนสูง, หรือแม้กระทั่งการระเบิด ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง

สาเหตุของการเบรคดาวน์

การเบรคดาวน์ไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่มีสาเหตุหลักๆ ดังนี้:

แรงดันไฟฟ้าที่สูงเกินไป: เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด เมื่อแรงดันไฟฟ้าที่จ่ายมามีค่าสูงกว่าที่ฉนวนจะรับได้ เช่น ในกรณีที่ฟ้าผ่าลงบนสายส่งไฟฟ้า หรือเกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจร
ความเสียหายของฉนวน: ฉนวนอาจเสื่อมสภาพตามกาลเวลาจากการใช้งานหนัก, ความร้อนสะสม, หรือได้รับความเสียหายทางกายภาพ เช่น มีรอยแตกร้าว ทำให้ความสามารถในการเป็นฉนวนลดลง
สิ่งสกปรกและความชื้น: ฝุ่นละอองหรือความชื้นที่เกาะบนผิวฉนวนสามารถทำหน้าที่เป็นตัวนำไฟฟ้าได้ ทำให้กระแสไฟฟ้าสามารถไหลผ่านได้ง่ายขึ้น และนำไปสู่การเบรคดาวน์ในที่สุด

ผลกระทบและอันตราย

การเบรคดาวน์ทางไฟฟ้าไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เพราะอาจส่งผลกระทบที่รุนแรงได้:

ไฟไหม้: ความร้อนสูงและประกายไฟที่เกิดขึ้นระหว่างการเบรคดาวน์สามารถจุดติดวัตถุไวไฟที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้เกิดเหตุไฟไหม้
อุปกรณ์เสียหาย: อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อมต่ออยู่ในระบบอาจได้รับความเสียหายอย่างหนักหรือพังไปเลย
อันตรายต่อชีวิต: หากการเบรคดาวน์เกิดขึ้นกับอุปกรณ์ที่มนุษย์สัมผัส ก็อาจทำให้เกิดการถูกไฟฟ้าดูดได้ ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต

การป้องกันและสังเกตอาการ

เราสามารถลดความเสี่ยงจากการเบรคดาวน์ได้ด้วยการ:

ตรวจสอบอุปกรณ์สม่ำเสมอ: สังเกตดูว่าฉนวนหุ้มสายไฟมีรอยแตกร้าวหรือเสื่อมสภาพหรือไม่
ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกัน: ใช้อุปกรณ์ป้องกันแรงดันเกิน เช่น เซฟตี้เบรกเกอร์ หรือ Surge Protection Device (SPD)
รักษาความสะอาด: หมั่นทำความสะอาดอุปกรณ์ไฟฟ้าเพื่อไม่ให้มีฝุ่นและความชื้นสะสม

บริการงานระบบไฟฟ้า ไฟบ้าน ไฟอาคาร ไฟสำนักงาน ไฟฟ้าโรงงาน #ช่างไฟดอทคอม