การเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน และหนึ่งในคำถามสำคัญที่เจ้าของรถ EV มักจะสงสัยคือ “ต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าให้เต็ม?” การเข้าใจหลักการคำนวณระยะเวลาการชาร์จเบื้องต้นจะช่วยให้คุณวางแผนการใช้รถได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ปัจจัยหลักที่มีผลต่อระยะเวลาการชาร์จ

การคำนวณระยะเวลาการชาร์จไม่ใช่เรื่องซับซ้อน แต่มีหลายปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณา ได้แก่:

ขนาดความจุแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (Battery Capacity): วัดเป็นหน่วย กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ยิ่งแบตเตอรี่มีขนาดใหญ่ ก็จะใช้เวลาชาร์จนานขึ้น ตัวอย่างเช่น แบตเตอรี่ขนาด 60 kWh ย่อมใช้เวลานานกว่าแบตเตอรี่ขนาด 30 kWh ในการชาร์จให้เต็ม
กำลังไฟของเครื่องชาร์จ (Charger Power Output): วัดเป็นหน่วย กิโลวัตต์ (kW) เครื่องชาร์จที่มีกำลังไฟสูงกว่า จะสามารถส่งพลังงานเข้าสู่แบตเตอรี่ได้เร็วกว่า ทำให้ใช้เวลาชาร์จน้อยลง
- เครื่องชาร์จ AC (กระแสสลับ): มักจะมีกำลังไฟตั้งแต่ 3.7 kW, 7.4 kW, 11 kW ไปจนถึง 22 kW ซึ่งเป็นแบบที่ติดตั้งตามบ้านพักอาศัย หรือตามสถานีชาร์จสาธารณะ
- เครื่องชาร์จ DC (กระแสตรง) หรือ Quick Charger/Fast Charger: มีกำลังไฟสูงมาก ตั้งแต่ 50 kW, 120 kW, 150 kW ไปจนถึง 350 kW หรือสูงกว่านี้ มักพบได้ตามสถานีชาร์จสาธารณะขนาดใหญ่ ที่ต้องการความรวดเร็วในการชาร์จ
ระดับแบตเตอรี่ปัจจุบัน (State of Charge – SoC): แน่นอนว่าการชาร์จจากแบตเตอรี่ 20% ให้เต็ม ย่อมใช้เวลาน้อยกว่าการชาร์จจาก 0% ให้เต็ม
ประสิทธิภาพการชาร์จ (Charging Efficiency): กระบวนการชาร์จไม่ได้มีประสิทธิภาพ 100% เสมอไป จะมีการสูญเสียพลังงานบางส่วนในรูปของความร้อนขณะชาร์จ ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 85-95% เราควรบวกเผื่อเวลาชาร์จเพิ่มเล็กน้อยจากค่าที่คำนวณได้ตามทฤษฎี

สูตรการคำนวณระยะเวลาการชาร์จเบื้องต้น

สำหรับการคำนวณระยะเวลาการชาร์จแบบคร่าวๆ คุณสามารถใช้สูตรพื้นฐานนี้ได้:

ระยะเวลาการชาร์จ (ชั่วโมง)=กำลังไฟของเครื่องชาร์จ (kW)ขนาดความจุแบตเตอรี่ (kWh)

ตัวอย่าง:

สมมติว่าคุณมีรถยนต์ไฟฟ้าที่มี แบตเตอรี่ขนาด 60 kWh และคุณกำลังชาร์จด้วย เครื่องชาร์จ AC ขนาด 7.4 kW

ระยะเวลาการชาร์จ=7.4 kW60 kWh≈8.1 ชั่วโมง

ดังนั้น ในทางทฤษฎีจะใช้เวลาประมาณ 8.1 ชั่วโมงในการชาร์จจาก 0% ไป 100%

ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม

ไม่ได้ชาร์จจาก 0% เสมอไป: ในการใช้งานจริง เรามักจะไม่ปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงก่อนชาร์จ การคำนวณควรปรับตามระดับแบตเตอรี่ที่คุณต้องการชาร์จ
การชาร์จแบบ “Trickle Charge”: เมื่อแบตเตอรี่ใกล้เต็ม (เช่น จาก 80% ขึ้นไป) ระบบการชาร์จจะลดกำลังไฟลง เพื่อถนอมแบตเตอรี่และป้องกันการโอเวอร์ชาร์จ ทำให้ช่วงท้ายของการชาร์จจะใช้เวลานานกว่าช่วงแรก
อุณหภูมิ: อุณหภูมิโดยรอบและอุณหภูมิแบตเตอรี่สามารถส่งผลต่อประสิทธิภาพการชาร์จได้
ข้อจำกัดของรถยนต์: รถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นอาจมีข้อจำกัดในการรับกำลังไฟสูงสุด ไม่สามารถรับกำลังไฟได้เต็มตามที่เครื่องชาร์จจ่ายได้ เช่น รถอาจรับได้สูงสุด 11 kW แม้จะเสียบกับเครื่องชาร์จ 22 kW ก็ตาม

บริการงานระบบไฟฟ้า ไฟบ้าน ไฟอาคาร ไฟสำนักงาน ไฟฟ้าโรงงาน #ช่างไฟดอทคอม