
อุปกรณ์สารกึ่งตัวนำชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติพิเศษคือค่าความต้านทานจะเปลี่ยนแปลงไปตามระดับแรงดันไฟฟ้าที่ตกคร่อมตัวมัน ชื่อของมันย่อมาจากคำว่า “Variable Resistor” หรือตัวต้านทานที่แปรค่าได้นั่นเอง
การทำงานของวาริสเตอร์
การทำงานของวาริสเตอร์คล้ายกับซีเนอร์ไดโอด (Zener Diode) ที่ต่อหลังชนกัน โดยมีลักษณะการทำงานแบบไม่เป็นเชิงเส้น (nonlinear) ดังนี้:
- เมื่อแรงดันไฟฟ้าต่ำกว่าค่าที่กำหนด (threshold voltage): วาริสเตอร์จะมีค่าความต้านทานสูงมาก ทำให้มีกระแสไหลผ่านได้น้อยมาก
- เมื่อแรงดันไฟฟ้าสูงเกินค่าที่กำหนด: ค่าความต้านทานของวาริสเตอร์จะลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านตัวมันได้มาก ซึ่งจะช่วยจำกัดแรงดันไฟฟ้าไม่ให้สูงเกินไป และปกป้องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ในวงจร
หน้าที่หลักและการใช้งาน
วาริสเตอร์มีหน้าที่หลักในการ ป้องกันวงจรจากแรงดันไฟฟ้าเกิน (overvoltage) หรือ ไฟกระชาก (surge) ที่เกิดขึ้นแบบฉับพลัน เช่น ไฟกระชากจากฟ้าผ่า หรือจากการสลับการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้า ตัวอย่างการใช้งานที่พบได้บ่อย ได้แก่:
- อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก: ปลั๊กพ่วงป้องกันไฟกระชาก (surge protector power strip) มักจะมีวาริสเตอร์อยู่ภายใน เพื่อดูดซับพลังงานส่วนเกินจากไฟกระชาก
- การปกป้องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์: วงจรต่างๆ ในเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน แหล่งจ่ายไฟ (power supply) หรืออุปกรณ์สื่อสาร มักจะใช้วาริสเตอร์เพื่อปกป้องชิ้นส่วนที่อ่อนไหว เช่น ชิปเซมิคอนดักเตอร์
- การป้องกันการคายประจุไฟฟ้าสถิต (ESD): วาริสเตอร์แบบชิป (chip varistor) ขนาดเล็กจะถูกใช้เพื่อป้องกันวงจรจากไฟฟ้าสถิต
- การป้องกันขดลวดเหนี่ยวนำ: ใช้ป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับสวิตช์หรือหน้าสัมผัสของรีเลย์ที่ควบคุมขดลวดเหนี่ยวนำ (inductive load) เช่น มอเตอร์หรือโซลินอยด์
บริการงานระบบไฟฟ้า ไฟบ้าน ไฟอาคาร ไฟสำนักงาน ไฟฟ้าโรงงาน #ช่างไฟดอทคอม
แจ้งปัญหาหรือปรึกษาเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า ฟรี!!!
HOTLINE-061-417-5732
https://www.facebook.com/changfidotcom
Line: @changfi
ขั้นตอนการใช้บริการ
แอดไลน์ > แจ้งปัญหา > รอราคา > ตกลงราคา > รับบริการ
