การฉีดสเต็ปของแค็ปแบงค์ หลักการทำงาน| ช่างไฟดอทคอม

หลักการควบคุมการฉีดสเต็ป

การควบคุมการฉีดสเต็ปของแค็ปแบงค์ส่วนใหญ่ดำเนินการโดยอุปกรณ์ที่เรียกว่า Automatic Power Factor Controller (APFC) หรือ Power Factor Relay ซึ่งทำงานโดย:

การวัดค่า Power Factor: APFC จะวัดค่า Power Factor ของระบบอย่างต่อเนื่อง (โดยใช้ CT และ PT เพื่อวัดกระแสและแรงดัน)
การเปรียบเทียบกับค่าอ้างอิง: APFC จะเปรียบเทียบค่า Power Factor ที่วัดได้กับค่า Power Factor เป้าหมายที่ตั้งไว้ (เช่น 0.95-0.98 lagging)
การสั่งงานสวิตช์:
- หากค่า Power Factor ต่ำกว่าค่าเป้าหมาย (แสดงว่ามีกำลังงานรีแอคทีฟที่ต้องการชดเชยมากเกินไป) APFC จะค่อยๆ สั่งงานให้ Contactor ของแค็ปแบงค์แต่ละสเต็ป “ต่อ” เข้าสู่ระบบทีละสเต็ป
- หากค่า Power Factor สูงกว่าค่าเป้าหมายหรือเป็น Leading (แสดงว่ามีการชดเชยมากเกินไป) APFC จะสั่งงานให้ Contactor ของแค็ปแบงค์แต่ละสเต็ป “ตัด” ออกจากระบบทีละสเต็ป
Time Delay: APFC มักจะมีฟังก์ชันหน่วงเวลา (Time Delay) ก่อนที่จะสั่งงานสวิตช์ในแต่ละสเต็ป เพื่อให้ระบบมีเวลาปรับตัวและหลีกเลี่ยงการสวิตช์ที่ถี่เกินไป

ส่วนประกอบสำคัญในระบบการฉีดสเต็ป

คาปาซิเตอร์ยูนิต (Capacitor Units): ตัวเก็บประจุที่ผลิตกำลังงานรีแอคทีฟ
Contactor (คอนแทคเตอร์): อุปกรณ์สวิตช์สำหรับต่อหรือตัดคาปาซิเตอร์เข้า/ออกจากระบบ ควรมียี่ห้อและพิกัดที่เหมาะสมกับการใช้งานกับคาปาซิเตอร์ (Capacitor Duty Contactor) ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับกระแส Inrush
Automatic Power Factor Controller (APFC): อุปกรณ์ควบคุมอัจฉริยะที่ทำหน้าที่วัดค่าและสั่งงานคอนแทคเตอร์
ฟิวส์/เซอร์กิตเบรกเกอร์: สำหรับป้องกันคาปาซิเตอร์แต่ละสเต็ปจากกระแสเกิน
รีแอคเตอร์ (Detuned Reactor): อาจมีการติดตั้งรีแอคเตอร์อนุกรมกับคาปาซิเตอร์ เพื่อลดปัญหาฮาร์มอนิกและการสั่นพ้องในระบบที่มีมลภาวะทางฮาร์มอนิกสูง

การฉีดสเต็ปของแค็ปแบงค์อย่างชาญฉลาดเป็นหัวใจสำคัญในการรักษาคุณภาพไฟฟ้าให้ดีเยี่ยม ควบคุมแรงดันไฟฟ้าให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในระบบไฟฟ้า ไม่เพียงแต่ช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ และสร้างความเสถียรให้กับระบบโดยรวม การลงทุนในระบบแค็ปแบงค์และการควบคุมที่เหมาะสมจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับทุกภาคส่วนที่ใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่