ทำไมระบบไฟฟ้าในไทย เมื่ออุณหภูมิต่ำลง จึงมักเกิดปัญหาน้อยกว่า

ภาพประกอบ ระบบไฟฟ้า
ภาพประกอบ ระบบไฟฟ้า

โดยทั่วไปแล้ว เมื่ออุณหภูมิในประเทศไทยลดลงสู่ช่วงที่ ‘เย็นสบาย’ (มักจะสูงกว่า 15 C ในพื้นที่ส่วนใหญ่) ระบบการผลิตและส่งจ่ายไฟฟ้ามักจะ มีเสถียรภาพและมีปัญหาน้อยลง กว่าช่วงฤดูร้อนจัด ปรากฏการณ์นี้สวนทางกับความเข้าใจทั่วไปที่ว่าความเย็นอาจทำให้ระบบเกิดปัญหาได้ แต่สำหรับภูมิอากาศเขตร้อนอย่างประเทศไทย ความเย็นที่ลดลงเพียงเล็กน้อยกลับกลายเป็น ปัจจัยที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ของระบบไฟฟ้าอย่างมีนัยสำคัญ

สาเหตุหลัก ๆ มาจากปัจจัยทางกายภาพของอุปกรณ์ไฟฟ้าและพฤติกรรมการใช้พลังงานของผู้บริโภค ดังนี้:

1. การทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้า: อุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุด

อุปกรณ์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นหม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer), สายส่ง, หรือส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ในโรงไฟฟ้า ล้วนมี ขีดจำกัดอุณหภูมิการทำงาน (Operating Temperature)

  • ฤดูร้อน (อุณหภูมิสูง): อุณหภูมิแวดล้อมที่สูงมาก (เช่น 35 C ขึ้นไป) จะทำให้การระบายความร้อนตามธรรมชาติทำได้ยาก อุปกรณ์จะมีความร้อนสะสมเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งส่งผลให้:
    • ความต้านทานเพิ่มขึ้น: ความร้อนทำให้โมเลกุลในตัวนำไฟฟ้ามีการสั่นสะเทือนมากขึ้น ส่งผลให้ ความต้านทานไฟฟ้า (Electrical Resistance) ของสายส่งและขดลวดเพิ่มขึ้น การส่งพลังงานจึงมี การสูญเสียพลังงานในรูปความร้อน (I²R Loss) มากขึ้น ซึ่งลดประสิทธิภาพโดยรวม
    • อายุการใช้งานสั้นลง: ความร้อนสูงเป็นปัจจัยสำคัญที่เร่งให้วัสดุฉนวนและน้ำมันหล่อเย็นในหม้อแปลง เสื่อมสภาพ เร็วขึ้นอย่างมาก ทำให้โอกาสเกิดความเสียหายและขัดข้องสูงขึ้น
    • โอเวอร์โหลด: โรงไฟฟ้าต้องใช้พลังงานส่วนหนึ่งในการเดินเครื่องระบบทำความเย็นของตัวเองมากขึ้น
  • ฤดูหนาว (อุณหภูมิต่ำ): เมื่ออุณหภูมิแวดล้อมลดลง (เช่น 18 C – 25C ซึ่งถือเป็นความเย็นของไทย) จะช่วยให้:
    • การระบายความร้อนดีขึ้น: อุปกรณ์สามารถ ระบายความร้อน ที่เกิดขึ้นจากการทำงานได้ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพขึ้น ทำให้ อุณหภูมิของอุปกรณ์โดยรวมต่ำลง กว่าการทำงานในฤดูร้อน
    • ความต้านทานลดลง: ความต้านทานในตัวนำลดลง ทำให้การสูญเสียพลังงานระหว่างการส่งจ่ายลดลง ประสิทธิภาพการส่งไฟฟ้าจึงดีขึ้น
    • ลดความเครียด: อุปกรณ์ทำงานภายใต้ความเครียดด้านความร้อนที่ลดลง ทำให้ความน่าเชื่อถือและความทนทานต่อการขัดข้องเพิ่มขึ้น

2. ปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลง (Demand Drop)

สาเหตุที่สำคัญที่สุดอีกประการหนึ่งคือ พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของผู้บริโภค ที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล

  • ช่วง Peak Demand หลักคือ “เครื่องปรับอากาศ”: ในประเทศไทย ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (Peak Demand) ของประเทศจะเกิดขึ้นในช่วง ฤดูร้อน (เมษายน-พฤษภาคม) เนื่องจากความต้องการใช้เครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นที่สูงมาก
  • เมื่ออากาศเย็นลง: เมื่ออุณหภูมิลดลง ผู้คนจะ ลดหรือเลิกใช้เครื่องปรับอากาศ โดยเฉพาะในช่วงกลางวันและกลางคืน การลดการใช้เครื่องปรับอากาศนี้ทำให้ โหลดรวมของระบบไฟฟ้าลดลงอย่างมาก ทันที
  • ผลกระทบต่อระบบ:
    • โรงไฟฟ้าสามารถเดินเครื่องด้วย กำลังการผลิตที่ต่ำลง และมี กำลังสำรอง (Reserve Margin) มากขึ้น
    • ความเสี่ยงที่ระบบจะเกิดภาวะ โอเวอร์โหลด หรือ แรงดันไฟฟ้าตก ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งจึงลดลงอย่างมาก

ข้อสรุป: ความเย็นคือเพื่อนของระบบไฟฟ้าเขตร้อน

ระบบไฟฟ้าของไทยถูกออกแบบมาเพื่อทนต่อ ความร้อนสูง แต่การทำงานที่อุณหภูมิต่ำกว่าจะช่วยให้มันทำงานได้ อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ความเย็นเพียงเล็กน้อยในไทยไม่ได้รุนแรงพอที่จะทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ เช่น การแข็งตัวของของเหลว, การเปราะของวัสดุ, หรือการสะสมของน้ำแข็งบนสายส่ง (ซึ่งเป็นปัญหาหลักในประเทศแถบหนาวจัด)

ดังนั้น ในภาพรวม การที่อุณหภูมิลดลงในประเทศไทยจึงช่วย บรรเทาความเครียดด้านความร้อน ของอุปกรณ์ และ ลดภาระโหลด ที่เกิดจากเครื่องปรับอากาศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ระบบไฟฟ้าในช่วงที่อากาศเย็นสบายมีความน่าเชื่อถือและเกิดปัญหาน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

บริการงานระบบไฟฟ้า ไฟบ้าน ไฟอาคาร ไฟสำนักงาน ไฟฟ้าโรงงาน #ช่างไฟดอทคอม

แจ้งปัญหาหรือปรึกษาเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า ฟรี!!!
HOTLINE-061-417-5732

https://www.facebook.com/changfidotcom

Line: @changfi


ขั้นตอนการใช้บริการ

แอดไลน์ > แจ้งปัญหา > รอราคา > ตกลงราคา > รับบริการ

ขั้นตอนการให้บริการ
ไลน์ OA

อุณหภูมิกับระบบไฟฟ้า, ไฟฟ้าอุณหภูมิต่ำปัญหาน้อย