
เมื่อพูดถึงชื่อ Philips หลายคนนึกถึงเทคโนโลยีสุขภาพล้ำสมัย หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน แต่สำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมไฟฟ้า ชื่อนี้มีความหมายที่ลึกซึ้งกว่ามาก เพราะ Philips คือแบรนด์ที่สร้างรากฐานและกำหนดมาตรฐานให้กับอุตสาหกรรมไฟฟ้าและแสงสว่างมาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19
ยุคเริ่มต้น: การปฏิวัติด้วยหลอดไฟคาร์บอน
บริษัท Royal Philips ก่อตั้งขึ้นในปี 1891 (พ.ศ. 2434) ณ เมืองไอนด์โฮเฟน ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนคือการ ผลิตหลอดไฟคาร์บอนฟิลาเมนต์ (Carbon Filament Lamps) ที่เชื่อถือได้และมีคุณภาพสูงในระดับอุตสาหกรรม
ในช่วงเวลานั้น เทคโนโลยีหลอดไฟยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และการผลิตที่ได้มาตรฐานในปริมาณมากยังเป็นเรื่องท้าทาย แต่ Philips ได้ลงทุนอย่างหนักในการวิจัยและพัฒนา ทำให้พวกเขาสามารถผลิตหลอดไฟที่สม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพเหนือคู่แข่งได้อย่างรวดเร็ว
- 1898: Philips กลายเป็นผู้ส่งออกหลอดไฟรายใหญ่ไปยังรัสเซียและตลาดอื่น ๆ ในยุโรปได้อย่างรวดเร็ว
- 1907: ได้ก่อตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาที่เน้นด้านวัสดุศาสตร์และเทคโนโลยีไฟฟ้า ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของนวัตกรรมไฟฟ้าที่ตามมา
ก้าวสำคัญสู่การเป็นผู้นำด้านแสงสว่าง
ความสำเร็จครั้งใหญ่ของ Philips มาพร้อมกับการค้นพบและการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะการเปลี่ยนไปใช้ หลอดไฟทังสเตนฟิลาเมนต์ ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าและทนทานกว่าหลอดคาร์บอนเดิมมาก
นอกจากนี้ Philips ยังเป็นผู้บุกเบิกในด้าน:
- หลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent Lamps): เป็นผู้นำในการพัฒนาและผลิตหลอดประหยัดพลังงานที่ใช้กันแพร่หลายในอาคารสำนักงานและโรงงานทั่วโลก
- หลอดปล่อยประจุความเข้มสูง (High-Intensity Discharge – HID Lamps): ใช้ในโคมไฟถนนและสนามกีฬา ซึ่งต้องอาศัยพลังงานไฟฟ้าในการสร้างแสงสว่างที่มีความสว่างสูงมาก
นวัตกรรมเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับวงจรไฟฟ้า วัสดุ และประสิทธิภาพพลังงาน ทำให้ Philips ไม่ได้เป็นเพียงผู้ผลิตหลอดไฟ แต่เป็น ผู้วางมาตรฐานและผู้ขับเคลื่อนการใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อแสงสว่าง ให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตสมัยใหม่
การขยายตัวสู่เทคโนโลยีไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
ด้วยความเชี่ยวชาญในด้านการผลิตจำนวนมากและวิศวกรรมไฟฟ้า Philips ได้ขยายบทบาทจากผลิตภัณฑ์แสงสว่างไปสู่ตลาดอิเล็กทรอนิกส์ในช่วงทศวรรษ 1920 โดยเริ่มจาก:
- วิทยุ (Radio): Philips ผลิตวิทยุที่ใช้พลังงานไฟฟ้าซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงในยุโรป และขยายไปยังเครื่องเสียงและโทรทัศน์ในเวลาต่อมา
- ส่วนประกอบไฟฟ้า: โรงงานของ Philips กลายเป็นแหล่งผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญ เช่น ตัวเก็บประจุ (Capacitors) และทรานซิสเตอร์ (Transistors) ที่ใช้ในอุปกรณ์ไฟฟ้าหลายชนิด
มรดกที่ส่งต่อ
แม้ว่าปัจจุบันธุรกิจแสงสว่าง (Lighting) ของ Philips จะแยกตัวออกไปเป็นบริษัทใหม่ในชื่อ Signify และ Philips เองจะมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีสุขภาพ (Health Technology) แต่รากฐานอันมั่นคงที่สร้างขึ้นจากอุตสาหกรรมไฟฟ้ายังคงเป็นหัวใจสำคัญ
- การจัดการพลังงาน: ความเชี่ยวชาญในการสร้างอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (ตั้งแต่หลอดไฟไปจนถึงเครื่องมือแพทย์) คือมรดกทางเทคนิคที่สำคัญที่สุดของแบรนด์
- นวัตกรรม: จิตวิญญาณของการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่าเดิม ยังคงเป็นแกนหลักที่ผลักดันให้ Philips ก้าวต่อไปในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก
Philips จึงเป็นมากกว่าแบรนด์ แต่เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อจุดประกายและขับเคลื่อนโลกสมัยใหม่ให้สว่างไสวและมีประสิทธิภาพมาจนถึงทุกวันนี้
#ช่างไฟดอทคอม บริการงานซ่อมบำรุงระบบไฟฟ้า ไฟฟ้ากำลัง งานออกแบบติดตั้ง ครบจบ
ขั้นตอนการใช้บริการ
แอดไลน์ > แจ้งปัญหา > รอราคา > ตกลงราคา > รับบริการ

