ความต้านทานไฟฟ้าของอากาศและการเบรกดาวน์

ฟ้าผ่า
ฟ้าผ่า

อากาศที่เราหายใจเข้าไปนั้นถือเป็น ฉนวนไฟฟ้า (Electrical Insulator) ที่ยอดเยี่ยมที่สุดชนิดหนึ่ง ซึ่งทำให้เราสามารถส่งผ่านพลังงานไฟฟ้าแรงสูงผ่านสายส่งเหนือศีรษะได้อย่างปลอดภัย แต่ภายใต้สภาวะที่รุนแรง เช่น แรงดันไฟฟ้าที่สูงมาก อากาศจะสามารถเปลี่ยนสถานะอย่างฉับพลันจากฉนวนไปเป็น ตัวนำไฟฟ้า (Electrical Conductor) ได้ ซึ่งกระบวนการนี้เรียกว่า การเบรกดาวน์ (Electrical Breakdown)

1. อากาศในฐานะฉนวนไฟฟ้า: “ความต้านทานไดอิเล็กทริก”

อากาศประกอบด้วยโมเลกุลของก๊าซ (ไนโตรเจนและออกซิเจนเป็นหลัก) ซึ่งตามปกติแล้วจะมีอิเล็กตรอนยึดติดอยู่กับนิวเคลียสอย่างแน่นหนา ทำให้ไม่สามารถนำไฟฟ้าได้ดี

  • ความแข็งแรงไดอิเล็กทริก (Dielectric Strength): คือคุณสมบัติของวัสดุฉนวนที่บ่งบอกถึงความสามารถในการต้านทานต่อสนามไฟฟ้า โดยไม่เกิดการเบรกดาวน์
  • ค่าสำหรับอากาศ: ภายใต้สภาวะมาตรฐาน (อุณหภูมิและความดันปกติ) อากาศมีความแข็งแรงไดอิเล็กทริกประมาณ 3×106 โวลต์ต่อเมตร (3 MV/m) หรือ 3 กิโลโวลต์ต่อมิลลิเมตร (3 kV/mm) หมายความว่า หากมีความต่างศักย์ไฟฟ้าเกิดขึ้นในระยะห่าง 1 มิลลิเมตร จะต้องใช้แรงดันไฟฟ้าสูงถึง 3,000 โวลต์ จึงจะสามารถทำให้อากาศเกิดการเบรกดาวน์ได้

ค่าความแข็งแรงไดอิเล็กทริกของอากาศนี้จะแปรผันตามปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความดัน (จะลดลงเมื่อความสูงเพิ่มขึ้น) ความชื้น และรูปร่างของขั้วไฟฟ้า (Electrode Geometry)

2. กระบวนการเบรกดาวน์ (Electrical Breakdown)

การเบรกดาวน์คือกระบวนการที่ความต้านทานไฟฟ้าของวัสดุฉนวน (เช่น อากาศ) ลดลงอย่างฉับพลัน ทำให้เกิดการไหลของกระแสไฟฟ้าผ่านทางเดินที่เคยเป็นฉนวน เมื่อสนามไฟฟ้ามีความเข้มสูงจนเกินขีดจำกัดความแข็งแรงไดอิเล็กทริก:

  1. การแตกตัวเป็นไอออน (Ionization): อิเล็กตรอนอิสระที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยในอากาศจะถูกเร่งความเร็วโดยสนามไฟฟ้าที่รุนแรง
  2. การชน (Collision): อิเล็กตรอนที่เร่งความเร็วนี้จะไปชนกับโมเลกุลของก๊าซในอากาศ และมีพลังงานมากพอที่จะทำให้อิเล็กตรอนตัวอื่นหลุดออกมาจากโมเลกุล
  3. กระบวนการทวีคูณ (Avalanche): อิเล็กตรอนที่หลุดออกมาใหม่ก็จะถูกเร่งความเร็วและชนกับโมเลกุลอื่น ๆ ต่อไป ทำให้เกิดการเพิ่มจำนวนของอิเล็กตรอนและไอออนอย่างรวดเร็ว (ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า อิเล็กตรอนอวาแลนช์ – Electron Avalanche)
  4. การเปลี่ยนสถานะ: อากาศตามเส้นทางนั้นจะเปลี่ยนสถานะกลายเป็น พลาสมา (Plasma) ซึ่งเป็นสถานะที่นำไฟฟ้าได้สูงมาก ทำให้เกิดเส้นทางนำไฟฟ้าที่มีความต้านทานต่ำ เป็นผลให้เกิดการดีสชาร์จทางไฟฟ้า (Discharge) ขึ้น

3. ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเบรกดาวน์ของอากาศ

การเบรกดาวน์ของอากาศเป็นต้นเหตุของปรากฏการณ์ทางไฟฟ้าที่สำคัญและน่าทึ่งหลายอย่าง:

ปรากฏการณ์ลักษณะการเบรกดาวน์ผลกระทบที่เห็นได้
ฟ้าผ่า (Lightning)การเบรกดาวน์แบบสมบูรณ์ที่เกิดจากความต่างศักย์ไฟฟ้ามหาศาลระหว่างเมฆกับพื้นโลก หรือระหว่างเมฆด้วยกันการดีสชาร์จของกระแสไฟฟ้าขนาดใหญ่และรุนแรงที่สุด
อาร์คไฟฟ้า (Electric Arc)การเบรกดาวน์ที่เกิดขึ้นเมื่อขั้วไฟฟ้าสองขั้วถูกแยกออกจากกันขณะที่มีกระแสไหลอยู่การลัดวงจรที่รุนแรง ก่อให้เกิดความร้อนและแสงจ้า (พลาสมา)
โคโรนาดีสชาร์จ (Corona Discharge)การเบรกดาวน์เพียงบางส่วน (Partial Breakdown) ที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวนำไฟฟ้าที่มีสนามไฟฟ้าเข้มข้นสูง (เช่น ปลายแหลมของสายส่งแรงสูง)แสงสีม่วงอ่อน ๆ, เสียง “ฮัม” (Humming) และการสูญเสียพลังงาน (Corona Loss)

ส่งออกไปยังชีต

การทำความเข้าใจกลไกของความต้านทานไฟฟ้าและการเบรกดาวน์ของอากาศจึงเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับวิศวกรรมไฟฟ้าแรงสูง เพื่อให้สามารถออกแบบฉนวนและระบบป้องกันฟ้าผ่าได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด

#ช่างไฟดอทคอม บริการงานซ่อมบำรุงระบบไฟฟ้า ไฟฟ้ากำลัง งานออกแบบติดตั้ง ครบจบ

ขั้นตอนการใช้บริการ

แอดไลน์ > แจ้งปัญหา > รอราคา > ตกลงราคา > รับบริการ

ขั้นตอนการให้บริการ
ไลน์ OA

HOTLINE-061-417-5732

https://www.facebook.com/changfidotcom

Line: @changfi

ความต้านทานไฟฟ้าของอากาศ, การเบรกดาวน์