IC คืออะไร? ทำความเข้าใจ “ค่ากระแสลัดวงจร”

ค่า IC
ค่า IC

ในการออกแบบและติดตั้งระบบไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นในบ้านเรือน อาคาร หรือโรงงานอุตสาหกรรม มีค่าสำคัญหนึ่งที่วิศวกรและช่างไฟต้องให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง นั่นคือ ค่า IC ซึ่งย่อมาจาก Interrupting Capacity (ความสามารถในการขัดขวางกระแส) หรือที่มักเรียกกันติดปากว่า ค่ากระแสลัดวงจร

ค่า IC นี้ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลข แต่เป็นมาตรวัดความปลอดภัยและความทนทานของอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้า เช่น เบรกเกอร์ (Circuit Breaker) หากเลือกใช้ค่าผิดพลาด อาจนำมาซึ่งความเสียหายร้ายแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินได้

กระแสลัดวงจร (Short Circuit Current) เกิดขึ้นได้อย่างไร?

กระแสลัดวงจร คือกระแสไฟฟ้าปริมาณมหาศาลที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เมื่อเกิดการเชื่อมต่อที่ไม่ตั้งใจระหว่างสายที่มีศักย์ไฟฟ้าต่างกัน (เช่น สาย Line กับสาย Neutral หรือสาย Line กับสาย Line) โดยที่ไม่มีโหลดไฟฟ้ามาขัดขวางกระแส

  • สาเหตุหลัก:
    • ฉนวนชำรุด: สายไฟเก่า, สัตว์กัดแทะ, หรือความร้อนสูง
    • การติดตั้งผิดพลาด: การต่อสายผิดตำแหน่ง หรือสกรูหลวมจนทำให้สายสัมผัสกัน
    • อุบัติเหตุ: การใช้เครื่องมือเจาะทะลุสายไฟ

เมื่อเกิดการลัดวงจร ความต้านทาน (Impedance) ในวงจรจะลดลงเกือบเป็นศูนย์ ทำให้กระแสไฟฟ้าพุ่งสูงขึ้นกว่ากระแสปกติหลายสิบหรือหลายร้อยเท่าในเวลาเสี้ยววินาที

ความสำคัญของ “ค่า IC” (Interrupting Capacity)

ค่า IC คือ ความสามารถสูงสุดของเบรกเกอร์ในการตัดหรือขัดขวางกระแสลัดวงจรได้อย่างปลอดภัยโดยที่ตัวมันเองไม่เสียหาย โดยทั่วไปมีหน่วยเป็นกิโลแอมแปร์ (kA) เช่น 5kA, 10kA, 25kA เป็นต้น

ทำไมต้องใส่ใจค่า IC?

  1. ป้องกันการระเบิดของอุปกรณ์: หากกระแสลัดวงจรที่เกิดขึ้นจริงมีค่าสูงกว่าค่า IC ที่เบรกเกอร์ทนได้ ตัวเบรกเกอร์อาจไม่สามารถตัดวงจรได้อย่างสมบูรณ์ และจะเกิดความร้อนสูงจน ระเบิด หรือ หลอมละลาย ซึ่งจะทำให้ไฟลุกลามและไม่สามารถควบคุมได้
  2. ป้องกันความเสียหายต่อสายไฟและโหลด: เมื่อกระแสลัดวงจรถูกตัดได้เร็วและปลอดภัยตามค่า IC ที่กำหนด จะช่วยจำกัดพลังงานที่ไหลเข้าสู่สายไฟและอุปกรณ์อื่น ๆ ลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
  3. มาตรการความปลอดภัยตามมาตรฐาน: มาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าบังคับให้การเลือกใช้เบรกเกอร์ต้องมีค่า IC เท่ากับหรือสูงกว่า ค่ากระแสลัดวงจรสูงสุดที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ณ จุดติดตั้งนั้น ๆ

การคำนวณและการเลือกใช้เบรกเกอร์ที่เหมาะสม

1. การหาค่ากระแสลัดวงจรสูงสุด

ค่ากระแสลัดวงจรสูงสุด ณ จุดใดจุดหนึ่งจะแปรผันตามขนาดและประเภทของหม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer) ของอาคาร และระยะห่างจากแหล่งกำเนิดไฟฟ้า

  • ใกล้หม้อแปลง: ค่ากระแสลัดวงจรจะสูงมาก (อาจสูงถึง 25kA หรือ 50kA)
  • ไกลจากหม้อแปลง: ค่ากระแสจะลดลงเนื่องจากความต้านทานของสายไฟที่ยาวขึ้น

วิศวกรไฟฟ้าจะใช้โปรแกรมหรือสูตรคำนวณเพื่อหาค่านี้ เพื่อให้ทราบว่าเบรกเกอร์ตัวหลัก (Main Breaker) และเบรกเกอร์ย่อย (Sub-Breaker) ในแต่ละตำแหน่งควรมีค่า IC ขั้นต่ำเท่าไร

2. การเลือกเบรกเกอร์

  • กฎสำคัญ: เลือกเบรกเกอร์ที่มี ค่า ICค่ากระแสลัดวงจรสูงสุดที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ณ จุดติดตั้ง
สถานที่ติดตั้งค่า IC ที่พบบ่อย (ค่าโดยประมาณ)
บ้านพักอาศัยทั่วไป (Main Breaker)10kA (ขึ้นอยู่กับขนาดหม้อแปลงและระยะทาง)
อาคารพาณิชย์/โรงงาน (Main Breaker)18kA ถึง 50kA (มักมีค่าสูง)
เบรกเกอร์ย่อยในตู้โหลด5kA หรือ 10kA

ส่งออกไปยังชีต

สรุปคือ: หากคุณต้องเลือกซื้อเบรกเกอร์สำหรับระบบไฟฟ้าของคุณ อย่ามองแค่ขนาดกระแสปกติ (แอมแปร์: A) แต่ต้องตรวจสอบ ค่า IC (kA) ที่ระบุไว้บนตัวเบรกเกอร์ด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์นั้นมีความสามารถในการป้องกันอันตรายเมื่อเกิดเหตุการณ์ลัดวงจรที่ไม่คาดฝัน

การเข้าใจและให้ความสำคัญกับค่า IC จึงเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบระบบไฟฟ้าที่ ปลอดภัยและได้มาตรฐาน อย่างแท้จริง

บริการงานระบบไฟฟ้า ไฟบ้าน ไฟอาคาร ไฟสำนักงาน ไฟฟ้าโรงงาน #ช่างไฟดอทคอม

แจ้งปัญหาหรือปรึกษาเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า ฟรี!!!
HOTLINE-061-417-5732

https://www.facebook.com/changfidotcom

Line: @changfi


ขั้นตอนการใช้บริการ

แอดไลน์ > แจ้งปัญหา > รอราคา > ตกลงราคา > รับบริการ

ขั้นตอนการให้บริการ
ไลน์ OA

ค่า IC, ค่าไอซี, ค่าช๊อตเซอกิต