
ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างสายไฟฟ้ากับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เทอร์มินอล, บัสบาร์ (Busbar) หรือจุดต่ออื่นๆ ที่ต้องการความแน่นหนาและปลอดภัย การใช้หางปลาช่วยให้การเชื่อมต่อสายไฟเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงจากความร้อนสะสมที่เกิดจากการสัมผัสที่ไม่ดี ซึ่งอาจนำไปสู่การลัดวงจรหรือไฟไหม้ได้
ประเภทของหางปลาที่นิยมใช้
หางปลามีหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกันไป ดังนี้:
- หางปลาเปลือย (Bare Cable Lug): เป็นหางปลาที่ไม่มีฉนวนหุ้ม ส่วนใหญ่ทำจากทองแดงหรือทองเหลือง นิยมใช้ในงานที่ต้องการความทนทานสูง หรือในพื้นที่ที่ไม่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัส เช่น ในตู้ควบคุมไฟฟ้า
- หางปลาหุ้มฉนวน (Insulated Cable Lug): มีส่วนหางปลาทำจากโลหะและมีปลอกฉนวนหุ้มสีต่างๆ อยู่ที่ปลาย เหมาะสำหรับงานทั่วไปที่ต้องการความปลอดภัยสูง เพื่อป้องกันการสัมผัสกับส่วนที่เป็นโลหะ
- หางปลากลม (Ring Terminal): มีลักษณะปลายเป็นวงกลม สามารถร้อยเข้ากับน็อตและขันยึดได้อย่างแน่นหนา ใช้กับงานที่ต้องการการยึดที่มั่นคงและถาวร เช่น การต่อสายกราวด์ (สายดิน)
- หางปลาแฉก (Fork Terminal): มีลักษณะปลายคล้ายส้อม หรือตัวยู (U) สามารถสอดเข้าใต้สกรูได้โดยไม่ต้องถอดน็อตออกจนหมด เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความรวดเร็วในการติดตั้งและถอดประกอบ
- หางปลาแบบเข็ม (Pin Terminal): ปลายหางปลาเป็นแท่งทรงกระบอกคล้ายเข็ม ใช้สำหรับเสียบเข้ากับขั้วต่อที่ออกแบบมาเฉพาะ เช่น ในเทอร์มินอลบล็อกบางชนิด
การเลือกใช้งานที่ถูกต้อง
การเลือกหางปลาที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้า โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้:
- ขนาดของสายไฟ: หางปลาแต่ละชนิดถูกออกแบบมาสำหรับขนาดของสายไฟที่ต่างกัน ควรเลือกขนาดที่พอดีเพื่อการบีบอัดที่แน่นหนา
- วัสดุ: ควรเลือกหางปลาที่ทำจากวัสดุคุณภาพสูง เช่น ทองแดง เพื่อการนำไฟฟ้าที่ดี
- ประเภทของเทอร์มินอล: ควรเลือกรูปทรงของหางปลาให้ตรงกับลักษณะของจุดต่อที่ต้องการใช้งาน เพื่อให้การเชื่อมต่อสมบูรณ์และแน่นหนาที่สุด
บริการงานระบบไฟฟ้า ไฟบ้าน ไฟอาคาร ไฟสำนักงาน ไฟฟ้าโรงงาน #ช่างไฟดอทคอม
แจ้งปัญหาหรือปรึกษาเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า ฟรี!!!
HOTLINE-061-417-5732
https://www.facebook.com/changfidotcom
Line: @changfi
ขั้นตอนการใช้บริการ
แอดไลน์ > แจ้งปัญหา > รอราคา > ตกลงราคา > รับบริการ
