
การติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Charger ไม่ใช่แค่การต่อสายไฟทั่วไป แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดและเป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะ มาตรฐาน IEC (International Electrotechnical Commission) ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วโลก บทความนี้สรุปข้อกำหนดสำคัญที่ช่างไฟฟ้าควรรู้ เพื่อให้การติดตั้งเป็นไปอย่างถูกต้องและปลอดภัย
1. การประเมินหน้างานและประเภทของเครื่องชาร์จ
ก่อนการติดตั้ง ช่างต้องสำรวจและประเมินระบบไฟฟ้าปัจจุบันของอาคาร และพูดคุยกับลูกค้าเพื่อทำความเข้าใจความต้องการใช้งาน
- ประเภทของเครื่องชาร์จ (EV Charger):
- Level 1 (AC ช้า): ชาร์จจากเต้ารับบ้านทั่วไป ใช้เวลาค่อนข้างนาน ไม่นิยมติดตั้งแยก
- Level 2 (AC เร็ว): ชาร์จด้วยกำลังไฟสูงกว่า (เช่น 7.4 kW, 11 kW, 22 kW) เหมาะสำหรับบ้านพักอาศัยและอาคารเชิงพาณิชย์ การติดตั้งประเภทนี้ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน IEC อย่างเคร่งครัด
- DC Fast Charger (DC ชาร์จเร็ว): ใช้สำหรับสถานีชาร์จสาธารณะ มีกำลังไฟสูงมาก การติดตั้งซับซ้อนและต้องมีผู้เชี่ยวชาญ
2. มาตรฐานทางไฟฟ้าที่สำคัญตาม IEC
มาตรฐาน IEC ที่เกี่ยวข้องกับการติดตั้ง EV Charger โดยตรงคือ IEC 61851 และ IEC 60364 ซึ่งระบุข้อกำหนดที่จำเป็นสำหรับการติดตั้งอย่างปลอดภัย
- ระบบสายไฟ:
- ขนาดสาย: ต้องมีขนาดเหมาะสมกับกำลังไฟของเครื่องชาร์จและระยะทาง สายต้องสามารถทนกระแสไฟฟ้าได้ต่อเนื่อง 125% ของกระแสพิกัดของเครื่องชาร์จ (ตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัย) เช่น เครื่องชาร์จ 32A ควรใช้สายที่รองรับกระแสได้ไม่ต่ำกว่า 40A
- ประเภทสาย: แนะนำให้ใช้สายแบบทนความร้อนสูง เช่น THW-A หรือ VCT ที่มีฉนวนคุณภาพดี
- อุปกรณ์ป้องกัน (Protection Devices):
- เบรกเกอร์ (Circuit Breaker): ต้องติดตั้งเบรกเกอร์สำหรับวงจรชาร์จโดยเฉพาะ และต้องมีพิกัดกระแสที่เหมาะสม
- เครื่องตัดไฟรั่ว (RCD – Residual Current Device): ตามมาตรฐาน IEC จำเป็นต้องติดตั้ง RCD Type B หรือ RCD Type A ร่วมกับ RDC-DD (Residual Direct Current Detecting Device) เพื่อป้องกันไฟรั่วจากกระแสตรง ซึ่งเป็นคุณสมบัติเฉพาะของรถยนต์ไฟฟ้า
- การต่อลงดิน (Earthing): ระบบสายดินต้องถูกต้องตามมาตรฐาน โดยต้องมีสายดินสำหรับเครื่องชาร์จแยกต่างหากเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
3. ตำแหน่งและสภาพแวดล้อมในการติดตั้ง
นอกจากข้อกำหนดทางไฟฟ้าแล้ว ตำแหน่งการติดตั้งก็มีความสำคัญต่อความปลอดภัยและการใช้งานระยะยาว
- สถานที่: ควรติดตั้งในบริเวณที่แห้ง ไม่โดนฝนหรือแดดโดยตรง และมีอากาศถ่ายเทสะดวก
- ระยะห่าง: ต้องมีระยะห่างที่เหมาะสมจากวัตถุไวไฟหรือแหล่งน้ำ
- ความสูง: ควรติดตั้งที่ความสูงที่เหมาะสมเพื่อให้ใช้งานง่ายและปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน
- การระบายความร้อน: เครื่องชาร์จต้องมีพื้นที่ระบายความร้อนเพียงพอเพื่อป้องกันความร้อนสะสมที่อาจทำให้เกิดความเสียหาย
4. การตรวจสอบและการทดสอบระบบ
หลังจากติดตั้งเสร็จสิ้น ช่างไฟฟ้าต้องทำการตรวจสอบและทดสอบระบบทั้งหมดก่อนส่งมอบงาน
- ตรวจสอบการต่อสาย: ตรวจสอบความแน่นหนาของจุดต่อสายไฟทั้งหมด
- ทดสอบระบบป้องกัน: ทดสอบการทำงานของเบรกเกอร์และ RCD ว่าสามารถตัดวงจรได้ตามปกติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
- ทดสอบการทำงาน: เสียบสายชาร์จและทดลองชาร์จรถยนต์เพื่อยืนยันว่าเครื่องทำงานได้อย่างสมบูรณ์
การติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าตามมาตรฐาน IEC ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของความปลอดภัย แต่ยังเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับงานของช่างไฟฟ้า และสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย
บริการงานระบบไฟฟ้า ไฟบ้าน ไฟอาคาร ไฟสำนักงาน ไฟฟ้าโรงงาน #ช่างไฟดอทคอม
แจ้งปัญหาหรือปรึกษาเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า ฟรี!!!
HOTLINE-061-417-5732
https://www.facebook.com/changfidotcom
Line: @changfi
ขั้นตอนการใช้บริการ
แอดไลน์ > แจ้งปัญหา > รอราคา > ตกลงราคา > รับบริการ
