
ดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Center) เป็นศูนย์กลางของโลกดิจิทัลที่ทำงานตลอดเวลา การหยุดชะงักเพียงเสี้ยววินาทีอาจนำไปสู่ความเสียหายมหาศาล ดังนั้น การวางระบบไฟฟ้า จึงไม่ใช่แค่การต่อสายไฟ แต่เป็นการออกแบบที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อน เพื่อให้มั่นใจว่าทุกอุปกรณ์จะได้รับพลังงานอย่างต่อเนื่องและมีคุณภาพสูงสุด งานวิศวกรรมไฟฟ้าในดาต้าเซ็นเตอร์มีเป้าหมายหลักคือ “ความพร้อมใช้งาน (Availability)” และ “ความน่าเชื่อถือ (Reliability)” โดยมีแนวคิดสำคัญที่เรียกว่า “ระบบสำรองที่ซ้ำซ้อน (Redundancy)” เพื่อป้องกันการล้มเหลวของระบบในทุกจุด
องค์ประกอบหลักของระบบไฟฟ้าในดาต้าเซ็นเตอร์
การวางระบบไฟฟ้าในดาต้าเซ็นเตอร์ประกอบด้วย 3 ส่วนหลักที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ:
1. แหล่งจ่ายไฟฟ้าหลัก (Utility Power) ไฟฟ้าที่รับมาจากผู้ให้บริการ (เช่น การไฟฟ้านครหลวงหรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) ถือเป็นแหล่งพลังงานหลัก อย่างไรก็ตาม การจ่ายไฟฟ้าจากภายนอกอาจไม่เสถียรและอาจเกิดเหตุขัดข้องได้ จึงจำเป็นต้องมีระบบสำรองเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
2. ระบบสำรองไฟฟ้าฉุกเฉิน (UPS – Uninterruptible Power Supply) UPS เปรียบเสมือนป้อมปราการด่านแรกที่คอยปกป้องอุปกรณ์จากปัญหาไฟตกหรือไฟดับกะทันหัน โดย UPS จะมีแบตเตอรี่ในตัวที่พร้อมจ่ายพลังงานให้ทันทีที่ไฟฟ้าหลักขัดข้อง ทำให้มีเวลาเพียงพอที่ระบบอื่นๆ จะทำงานต่อ หรือช่วยให้เซิร์ฟเวอร์สามารถ Shut down ได้อย่างปลอดภัยโดยข้อมูลไม่เสียหาย
3. เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator Set) หากไฟฟ้าดับเป็นเวลานาน แบตเตอรี่ของ UPS จะหมดลงในเวลาไม่กี่นาที เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซล หรือแก๊สจะถูกสั่งให้ทำงานโดยอัตโนมัติเพื่อจ่ายพลังงานให้กับดาต้าเซ็นเตอร์อย่างต่อเนื่อง จนกว่าไฟฟ้าหลักจะกลับมาเป็นปกติ การออกแบบระบบต้องคำนวณปริมาณเชื้อเพลิงให้เพียงพอสำหรับการทำงานได้หลายชั่วโมงหรือหลายวัน ขึ้นอยู่กับระดับความสำคัญของดาต้าเซ็นเตอร์
หลักการออกแบบระบบสำรองไฟฟ้า (Redundancy)
เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างต่อเนื่องแม้มีจุดใดจุดหนึ่งล้มเหลว การวางระบบไฟฟ้าจึงถูกออกแบบตามหลักการ N+1 หรือ 2N
- N+1 Redundancy: หมายถึงการมีอุปกรณ์สำรอง 1 ตัวสำหรับอุปกรณ์ที่จำเป็น (N) เช่น หากต้องการเครื่องทำความเย็น 3 เครื่อง ก็จะติดตั้งทั้งหมด 4 เครื่อง โดยมี 1 เครื่องเป็นตัวสำรองพร้อมใช้งาน
- 2N Redundancy: เป็นระบบสำรองที่ซับซ้อนและเชื่อถือได้สูงสุด โดยมีการติดตั้งระบบไฟฟ้าที่ทำงานแบบแยกอิสระจากกันอย่างสิ้นเชิง 2 ชุด (A และ B) ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง หากระบบ A มีปัญหา ระบบ B จะยังคงทำงานได้อย่างปกติโดยไม่มีการหยุดชะงัก
ความท้าทายและเทคโนโลยีใหม่ๆ
การวางระบบไฟฟ้าในดาต้าเซ็นเตอร์ยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น:
- ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (PUE – Power Usage Effectiveness): PUE เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่บอกว่าพลังงานที่ใช้ไปนั้นมีประสิทธิภาพแค่ไหน โดยค่า PUE ที่ต่ำกว่า 1.2 ถือว่ามีประสิทธิภาพสูง ซึ่งหมายถึงมีการใช้พลังงานสำหรับอุปกรณ์ไอทีมากกว่าระบบอื่นๆ เช่น ระบบทำความเย็นหรือระบบไฟฟ้า
- ระบบทำความเย็น: การทำความเย็นเป็นสัดส่วนใหญ่ของการใช้พลังงานในดาต้าเซ็นเตอร์ ดังนั้นการออกแบบระบบไฟฟ้าจึงต้องคำนึงถึงการจ่ายพลังงานให้ระบบทำความเย็นอย่างมีประสิทธิภาพ
- เทคโนโลยีใหม่: เทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-Ion Battery) เริ่มเข้ามาแทนที่แบตเตอรี่แบบตะกั่วกรดแบบดั้งเดิมในระบบ UPS เนื่องจากมีขนาดเล็กกว่า, อายุการใช้งานยาวนานกว่า, และชาร์จได้รวดเร็วกว่า
การวางระบบไฟฟ้าในดาต้าเซ็นเตอร์คือหัวใจของความมั่นคงทางดิจิทัล การออกแบบที่รอบคอบและใส่ใจในทุกรายละเอียดจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลอันล้ำค่าจะปลอดภัยและพร้อมใช้งานตลอดเวลา งานวิศวกรรมไฟฟ้าจึงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมในยุคที่เทคโนโลยีเป็นรากฐานของทุกสิ่งที่เราทำ
บริการงานระบบไฟฟ้า ไฟบ้าน ไฟอาคาร ไฟสำนักงาน ไฟฟ้าโรงงาน #ช่างไฟดอทคอม
แจ้งปัญหาหรือปรึกษาเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า ฟรี!!!
HOTLINE-061-417-5732
https://www.facebook.com/changfidotcom
Line: @changfi
ขั้นตอนการใช้บริการ
แอดไลน์ > แจ้งปัญหา > รอราคา > ตกลงราคา > รับบริการ
