หลักการทำงานของคีย์การ์ด

key card
key card

ควบคุมการเข้าออกที่ซับซ้อนแต่เข้าใจง่าย

ในทุกวันนี้ “คีย์การ์ด” กลายเป็นอุปกรณ์ที่เราใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการเข้าคอนโดมิเนียม, อาคารสำนักงาน, โรงแรม, หรือแม้แต่โรงเรียน แต่เบื้องหลังความง่ายดายในการ “แตะ” หรือ “รูด” บัตรนี้ มีกระบวนการทำงานที่เป็นระบบและซับซ้อนกว่าที่คิด

หัวใจของคีย์การ์ด: การระบุตัวตนและยืนยันสิทธิ์

หลักการพื้นฐานที่สุดของคีย์การ์ดคือการ ระบุตัวตน (Identification) และ ยืนยันสิทธิ์ (Authorization) ของผู้ใช้งาน เพื่อควบคุมว่าใครสามารถเข้าถึงพื้นที่ใดได้บ้าง และเมื่อไหร่ โดยอาศัยการสื่อสารข้อมูลระหว่างตัวบัตรกับระบบควบคุม

องค์ประกอบสำคัญ 4 ส่วนที่ทำงานร่วมกัน

ระบบคีย์การ์ดจะประกอบด้วยส่วนหลัก ๆ ที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ดังนี้:

  1. คีย์การ์ด (Key Card):
    • นี่คือตัวบัตรพลาสติกที่เราถือใช้
    • ภายในบัตรจะมีการฝัง ชิปไมโครคอนโทรลเลอร์ หรือ แถบแม่เหล็ก ที่เก็บข้อมูลสำคัญเอาไว้
    • ข้อมูลนี้เปรียบเสมือน “รหัสประจำตัว” ที่ไม่ซ้ำกันของบัตรแต่ละใบ (เช่น หมายเลข ID เฉพาะ)
    • บางประเภทอาจมีการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
  2. เครื่องอ่านบัตร (Card Reader):
    • อุปกรณ์นี้มักจะติดตั้งอยู่ข้างประตูทางเข้า
    • มีหน้าที่หลักคือ อ่านข้อมูล จากคีย์การ์ดที่คุณนำไปแตะหรือรูด
    • สำหรับบัตรแบบแตะ (RFID/NFC): เครื่องอ่านจะปล่อยคลื่นวิทยุออกมา เมื่อบัตรเข้าไปใกล้ คลื่นจะกระตุ้นชิปในบัตรให้ส่งข้อมูล ID กลับมา
    • สำหรับบัตรแบบรูด (แถบแม่เหล็ก): หัวอ่านจะสัมผัสและอ่านข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้บนแถบแม่เหล็กของบัตร
  3. คอนโทรลเลอร์ (Controller) / แผงควบคุม:
    • เปรียบเสมือน “สมอง” หรือ “หน่วยประมวลผลกลาง” ของระบบ
    • ทำหน้าที่ รับข้อมูล ID ที่เครื่องอ่านส่งมา
    • จากนั้น จะทำการ เปรียบเทียบข้อมูล ID ที่ได้รับกับฐานข้อมูลผู้ใช้งานและสิทธิ์การเข้าถึงที่เก็บไว้ในระบบ
    • เป็นตัวตัดสินใจว่า “บัตรใบนี้มีสิทธิ์เข้าได้หรือไม่?”
  4. ระบบซอฟต์แวร์และฐานข้อมูล:
    • นี่คือส่วนที่เก็บ “กฎ” และ “ข้อมูล” ทั้งหมด
    • มีการบันทึกว่าคีย์การ์ดแต่ละใบเป็นของใคร
    • กำหนดว่าคีย์การ์ดแต่ละใบสามารถเข้าถึงพื้นที่ใดได้บ้าง (เช่น เข้าได้เฉพาะชั้น 3, หรือเข้าได้ทุกชั้นยกเว้นห้องเก็บของ)
    • กำหนดเวลาที่สามารถเข้าได้ (เช่น เฉพาะวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00 – 17.00 น.)
    • และยัง บันทึกประวัติการเข้าออก ทั้งหมดเอาไว้เพื่อการตรวจสอบย้อนหลัง
  5. กลอนประตูไฟฟ้า (Electronic Lock):
    • เป็นกลอนประตูที่ถูกเชื่อมต่อและควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
    • จะทำงานร่วมกับคอนโทรลเลอร์ เมื่อได้รับคำสั่งให้ “ปลดล็อก” กลอนก็จะทำงานเพื่อให้ประตูเปิดได้

ลำดับการทำงาน (เมื่อคุณแตะคีย์การ์ด)

ลองนึกภาพตามเมื่อคุณนำคีย์การ์ดไปแตะที่เครื่องอ่าน:

  1. การสื่อสารเริ่มต้น: ทันทีที่คุณนำคีย์การ์ดเข้าใกล้เครื่องอ่าน (หรือรูดผ่าน) เครื่องอ่านจะพยายาม “พูดคุย” กับคีย์การ์ด เพื่อดึง ข้อมูล ID เฉพาะ ที่เก็บอยู่ในตัวบัตร
  2. ส่งข้อมูลไปสมอง: ข้อมูล ID ที่อ่านได้จะถูกส่งต่ออย่างรวดเร็วไปยัง คอนโทรลเลอร์
  3. การตัดสินใจของสมอง: คอนโทรลเลอร์จะรับข้อมูล ID นี้และนำไป ตรวจสอบกับฐานข้อมูล ที่อยู่ในระบบ มันจะถามคำถามสำคัญ 3 ข้อคือ:
    • “ID ของคีย์การ์ดใบนี้มีอยู่จริงในระบบหรือไม่?” (ป้องกันการใช้บัตรปลอม)
    • “คีย์การ์ดใบนี้ได้รับอนุญาตให้เข้าประตูนี้ได้หรือไม่?” (เช่น บัตรของห้อง A ไม่สามารถเข้าห้อง B ได้)
    • “ตอนนี้เป็นเวลาที่คีย์การ์ดใบนี้สามารถเข้าได้หรือไม่?” (เช่น อาจมีสิทธิ์เข้าได้เฉพาะวันและเวลาทำการ)
  4. คำสั่งเปิด/ปิดประตู:
    • ถ้าทุกอย่างถูกต้อง (มีสิทธิ์): คอนโทรลเลอร์จะส่งสัญญาณไฟฟ้าไปที่ กลอนประตูไฟฟ้า เพื่อสั่งให้ “ปลดล็อก” คุณจะได้ยินเสียงกลอนทำงาน และสามารถผลักประตูเข้าไปได้
    • ถ้าไม่ถูกต้อง (ไม่มีสิทธิ์): กลอนประตูจะไม่ปลดล็อก และคุณอาจได้ยินเสียงเตือนหรือเห็นไฟแดง เพื่อแสดงว่าไม่ได้รับอนุญาต
  5. บันทึกทุกการเคลื่อนไหว: ไม่ว่าคุณจะเข้าได้หรือไม่ ระบบจะทำการ บันทึกข้อมูล การพยายามเข้าออกทั้งหมดเอาไว้ในฐานข้อมูล ทั้งเวลา, วันที่, และหมายเลขคีย์การ์ด เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบย้อนหลังด้านความปลอดภัย

สรุป

คีย์การ์ดจึงเป็นมากกว่าแค่บัตรพลาสติก มันคือส่วนหนึ่งของระบบควบคุมการเข้าออกที่ซับซ้อนแต่มีประสิทธิภาพ ซึ่งอาศัยการสื่อสารข้อมูล การประมวลผล และการตัดสินใจ เพื่อให้แน่ใจว่ามีเพียงบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงพื้นที่ที่ต้องการได้นั่นเอง

ขั้นตอนการใช้บริการ

แอดไลน์ > แจ้งปัญหา > รอราคา > ตกลงราคา > รับบริการ

ขั้นตอนการให้บริการ
ไลน์ OA

คีย์การ์ด, หลักการทำงานของคีย์การ์ด