
เสาไฟฟ้าเป็นโครงสร้างที่สำคัญยิ่งในระบบการส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้า ตั้งแต่การส่งกระแสไฟฟ้าแรงสูงจากโรงไฟฟ้าไปสู่สถานีไฟฟ้าย่อย ไปจนถึงการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าแรงต่ำสู่บ้านเรือนและอาคารต่างๆ ความสูงของเสาไฟฟ้าและขนาดของแรงดันไฟฟ้าที่พาดผ่านนั้นมีความสัมพันธ์กันและถูกกำหนดตามมาตรฐานความปลอดภัยเพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการใช้งาน
ความสูงของเสาไฟฟ้า
ความสูงของเสาไฟฟ้าจะแตกต่างกันไปตามประเภทของสายส่งและระดับแรงดันไฟฟ้าที่พาดผ่าน โดยสามารถแบ่งออกเป็นประเภทหลักๆ ได้ดังนี้:
- เสาไฟฟ้าแรงต่ำ: โดยทั่วไปมีความสูงประมาณ 8-9 เมตร ใช้สำหรับจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าสู่บ้านเรือนและอาคารทั่วไป รวมถึงเป็นที่พาดสายสื่อสารโทรคมนาคม (สายอินเทอร์เน็ต, สายโทรศัพท์, สายเคเบิลทีวี) ซึ่งมักจะอยู่ต่ำกว่าสายไฟฟ้า
- เสาไฟฟ้าแรงสูง (ระบบจำหน่าย): มีความสูงหลากหลายตั้งแต่ 9 เมตรขึ้นไปจนถึง 22 เมตร เสาเหล่านี้ใช้สำหรับสายไฟฟ้าแรงสูง 22,000 โวลต์ (22 kV) ที่จ่ายไฟไปยังพื้นที่ชุมชนต่างๆ ซึ่งต้องติดตั้งให้สูงกว่าระยะที่คนสามารถเข้าถึงได้
- เสาไฟฟ้าแรงสูง (ระบบส่ง): เป็นเสาขนาดใหญ่ที่มีความสูงมากที่สุด มักอยู่ในรูปของเสาโครงเหล็ก หรือเสาแบบ Monopole มีความสูงตั้งแต่ 9-32 เมตรสำหรับแบบวงจรเดี่ยว และ 45-65 เมตรสำหรับแบบวงจรคู่ เพื่อรองรับแรงดันไฟฟ้าที่สูงมากสำหรับการส่งกระแสไฟฟ้าในระยะทางไกล เช่น 69 kV, 115 kV, 230 kV ไปจนถึง 500 kV
ตารางแสดงความสูงของเสาไฟฟ้าโดยประมาณ
ประเภทเสาไฟฟ้า | ระดับแรงดันไฟฟ้าโดยประมาณ | ความสูงโดยประมาณ (เมตร) | การใช้งาน |
---|---|---|---|
เสาไฟฟ้าแรงต่ำ | 220V/380V (เฟสเดียว/สามเฟส) | 6-9 | จ่ายไฟสู่บ้านเรือน, อาคารทั่วไป |
เสาไฟฟ้าแรงสูง (จำหน่าย) | 12kV, 22kV, 24kV | 9-22 | จ่ายไฟในพื้นที่ชุมชน, เมือง |
เสาไฟฟ้าแรงสูง (ส่ง) | 69kV, 115kV, 230kV, 500kV | 9-65 (ขึ้นอยู่กับประเภท) | ส่งกำลังไฟฟ้าหลักระหว่างสถานีและพื้นที่ขนาดใหญ่ |
ขนาดแรงดันไฟฟ้าในประเทศไทย
ระบบแรงดันไฟฟ้าในประเทศไทยถูกกำหนดโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.), การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) แบ่งออกเป็นหลายระดับดังนี้:
- แรงดันไฟฟ้าแรงต่ำ (Low Voltage):
- 1 เฟส (Single Phase): 220 V (โวลต์) ที่ความถี่ 50 Hz (เฮิรตซ์) สำหรับบ้านเรือนและอาคารขนาดเล็กทั่วไป
- 3 เฟส (Three Phase): 380 V (โวลต์) ที่ความถี่ 50 Hz สำหรับอาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม หรือที่อยู่อาศัยที่ต้องการใช้ไฟฟ้าในปริมาณมาก
- หมายเหตุ: บางพื้นที่โดยเฉพาะในเขตการไฟฟ้านครหลวง อาจใช้แรงดันบริการที่ 230/400 V ซึ่งยังคงถือเป็นมาตรฐานเดียวกัน เนื่องจากอุปกรณ์ไฟฟ้าส่วนใหญ่สามารถรองรับแรงดันได้ในช่วง $ \pm 10% $
- แรงดันไฟฟ้าแรงสูง (High Voltage) – ระบบจำหน่าย:
- 12 kV (กิโลโวลต์)
- 22 kV (กิโลโวลต์)
- 24 kV (กิโลโวลต์)
- แรงดันระดับนี้ใช้ในการจ่ายไฟจากสถานีไฟฟ้าย่อยไปยังชุมชนต่างๆ ก่อนที่จะแปลงลงมาเป็นแรงดันต่ำเพื่อใช้งาน
- แรงดันไฟฟ้าแรงสูง (High Voltage) – ระบบส่ง:
- 69 kV (กิโลโวลต์)
- 115 kV (กิโลโวลต์)
- 230 kV (กิโลโวลต์)
- 500 kV (กิโลโวลต์)
- แรงดันระดับนี้ใช้สำหรับการส่งกระแสไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าไปยังสถานีไฟฟ้าย่อยทั่วประเทศ หรือส่งระหว่างภูมิภาค เพื่อลดการสูญเสียพลังงานระหว่างการส่ง
มาตรฐานความปลอดภัยและระยะห่าง
การติดตั้งเสาไฟฟ้าและสายส่งไฟฟ้ามีข้อกำหนดด้านความปลอดภัยที่เข้มงวดเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น:
- ระยะห่างจากสิ่งปลูกสร้าง: เสาไฟฟ้าแรงสูงต้องรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากอาคารบ้านเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างต่างๆ โดยขึ้นอยู่กับระดับแรงดันไฟฟ้า เช่น แรงดัน 12,000-24,000 โวลต์ ควรห่างจากบ้าน/อาคาร/ระเบียง 1.80 เมตร, 69,000 โวลต์ ควรห่าง 2.13 เมตร และ 115,000 โวลต์ ควรห่าง 2.30 เมตร เป็นต้น
- ระยะห่างจากต้นไม้: มีข้อกำหนดที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปลูกต้นไม้ในเขตเดินสายไฟฟ้าแรงสูง เพื่อป้องกันไม่ให้ต้นไม้ล้มทับสายไฟหรือเป็นสื่อนำไฟฟ้า
- การออกแบบและวัสดุ: เสาไฟฟ้าต้องได้รับการออกแบบให้แข็งแรง ทนทานต่อสภาพอากาศ รองรับน้ำหนักของสายไฟและอุปกรณ์ต่างๆ ได้ และใช้วัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อน
ความเข้าใจในเรื่องความสูงของเสาไฟฟ้าและขนาดแรงดันไฟฟ้า รวมถึงมาตรฐานความปลอดภัยที่เกี่ยวข้อง เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราตระหนักถึงความซับซ้อนและความจำเป็นของระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานไฟฟ้าที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน
งานระบบไฟฟ้า ดูแล ออกแบบ ติดตั้ง ซ่อมบำรุงระบบ งานระบบไฟฟ้า ไฟฟ้ากำลัง
ขั้นตอนการใช้บริการ
แอดไลน์ > แจ้งปัญหา > รอราคา > ตกลงราคา > รับบริการ

